Djang Reinhardt
เกิดวันที่ 23 มกราคม 1919 ครอบครัวของเขาอาจเป็นครอบครัวที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ไม่มีที่พักที่แน่นอน เพราะเป็นครอบครัวกองคาราวานซึ่งจะเดินทางไปเรื่อยๆ ในช่วงวัยเด็กของ Django ครอบครัวของเขาได้เดินทางและพักอาศัยอยู่ที่เบลเยี่ยม และฝรั่งเศส ปารีสก็เป็นศูนย์กลางของศิลปะทางดนตรี และที่นี้คือจุดเริ่มต้นที่เขาสนใจเริ่มเล่นดนตรี ในช่วงที่เขาอายุ 13 ปีเขาเริ่มเล่น banjo และเขาก็เล่นประจำที่ Bal – Musette (เป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีในหมู่ชนชั้นต่ำของชาวเมือง Paris) และเมื่อเขาอายุ 15 ชีวิตของเขาก็หันเข้าสู่ดนตรี jazz เพราะเขาได้ยินเพลงสไตล์ american jazz เป็นครั้งแรก ทำให้เขาผันตัวเองไปเล่นดนตรีสไตล์นี้อย่างทันทีเมื่อเขาอายุได้ 18 ปี ราวๆตีหนึ่งของวันที่ 2 พฤศจิกายน ขบวนคาราวานที่ Django ร่วมอาศัยอยู่ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น และมือซ้ายของเขาได้เกิดอุบัติเหตุไฟลวก โดยนิ้วก้อยและนิ้วนางบิดเบี้ยวไปจากเดิม และแทบไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป โดยนิ้วกลางและนิ้วชี้ยังทำงานได้ปกติ แต่ ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาเล่นกีต้าร์ได้อีกแล้ว
ระหว่างพักรักษาตัว Django กลับมาฝึกฝนกีต้าร์ภายใต้เงื่อนไขใหม่ เขาฝึกอย่างช้าๆ จนในที่สุดสองปีถัดมาเขาก็สามารถกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ในปี 1946 Django ก็ได้เปิดทัวร์การแสดงร่วมกับ Duke Ellington ในอเมริกา และ Django ก็เป็นที่รู้จักและชื่นชอบมากขึ้น และบั้นปลายชีวิตของเขาในปี 1952 Django Reinhardt พร้อมครอบครัวเปลี่ยนจากการใช้ชีวิตเดินทางแบบยิปซี มาสร้างบ้านในหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่า Samois-Sur-Seine เขาได้ใช้ชีวิตในช่วงท้ายไปกับการเล่นดนตรี วาดภาพ ตกปลา และเล่นบิลเลียด ซึ่งเขาก็เล่นได้อย่างดีเสียด้วย Django เสียชีวิตลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ในวันที่ 16 พฤษภาคม 1953 รวมอายุได้ 43 ปี
ประวัติเพลง
"Jazz in Paris-Nuages" โดย Django Reinhardt เป็นอีกตัวอย่างของพัฒนาการในอีกทิศทางของรูปแบบบดนตรีที่เข้าได้พัฒนาขึ้นในช่วงระหว่างไปจนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการบันทึกเสียงครั้งแรกในช่วงปลาย 40s และ 50s ตอนต้น ดนตรีเหล่านี้ได้ทำลายคำสบประมาทที่ว่าหากไม่เล่นดนตรีคลาสสิคในวง quintette การเล่นดนตรีของ Django จะไม่ได้ดี และขาดโฟกัส ฟังการด้นของเขาที่ทำนองเหมือนโคลงไว้อาลัย อย่างเช่น "September Song," "Blues for Ike" ด้วยเสียงดนตรีที่ยืดและถูกเคลื่อนอย่างนุ่มนวล เราจะสามารถได้ยินการที่ Reinhardt ได้ค้นพบความเป็นไปได้ที่จะใช้ร่วมกับไฟฟ้า ผสมผสานกับเทคนิคที่ดึงดูดของเขา พร้อมกับคำถามปลายเปิดที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด เขาคือผู้ที่นำความงดงามใหม่ๆจากเสียงดนตรีให้กับแจ๊ส
ความแตกต่างระหว่างoriginalกับTasciption
บทเพลงเป็นบทเพลงแบบวงมีการใช้กีต้าร์สองตัวสำหรับโซโล่และตีคอร์ด แน่นนอนว่าคนทำTasciptionได้ใส่คอร์ดและเมโลดี้ที่ต่างจากเดิมแต่ยังคงความoriginalอยู่ ใส่ลายเบส และใส่การโซโล่อิมโพไวส์เข้ามาใส่อยู่ในกีต้าร์ตัวเดียวเพื่อทำให้บทเพลงมีความน่าสนใจมากขึ้น
concept ของ 3H
บทเพลงนี้เป็นเพลงแจ๊สที่ผมรู้สึกเล่นแล้วสนุกและมีความสุขไปกับมันเพราะผมชอบที่จะฟังเพลงแจ๊สมากกว่าเพลงคลาสสิก ตัวเพลงมีจังหวะที่สวิง การตีความเพลงนี้ป็นการตีความที่มองเป็นประโยคโซโล่ผลัดกับจังหวะ บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ค่อนข้างจำยากเพราะตรีมเพลงซ้ำไปมาก็จริงแต่จะมีการดัดแปลงจากตรีมเดิมเพิ่มโน็ตและจังหวะใหม่ขึ้นมา จังหวะสวิงแน่นอนว่าค่อนข้างที่จะเล่นยากสำหรับนักเรียนเอกกีต้าร์คลาสสิก ดังนั้นกระบวนการทำงานของ 3H นั้นแน่นอนว่าผมจะฝึกซ้อมในเรื่องของความจำและการซ้อมจังหวะในหัวเป็นส่วนใหญ่
Isaac Albéniz
นักประพันธ์เพลงชาวสเปนและนักเปียโนฝีมือยอดเยี่ยม เขาเกิดที่ Camprodon, Catalonia ประเทศสเปน เขาเป็นเด็กอัจฉริยะที่เล่นเปียโนเปิดการแสดงเมื่ออายุสี่ขวบและเริ่มทัวร์ต่างประเทศครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปีเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีในเมืองไลพ์ซิกประเทศเยอรมนีและกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียม เขาได้รับอิทธิพลในการแต่งเพลงมาจาก Frederic Chopin, Albeniz และเริ่มเขียนในสไตล์ชาตินิยมในช่วงปลายยุค 1880 หลังจากกลายเป็นเพื่อนกับ Felipe Pedrell อาจารย์และนักวิชาการพื้นบ้าน ผลงานเพลงของเขามีอิทธิพลอย่างมากกับเครื่องดนตรีกีต้าร์และมีหลายผลงานของเขาที่ถูกคัดลอกผลงานของเขาเป็นโน็ตกีต้าร์เช่นบทเพลง "Asturias (Leyenda)และอื่นๆที่มาจาก "ชุดเพลงSuite Espanola"เป็นต้น
ประวัติเพลง
Albeniz ได้เปิดตัวSevilla ในการแสดงเปียโนในวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1885 และเขาได้อุทิศให้กับภรรยาของ Count Morphy และหลังจากนั้นมีการคัดลอกสำหรับกีตาร์คลาสสิกเพลงนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญที่สุดกีตาร์คลาสสิก และถูกเล่นและบันทึกโดยมือกีต้าร์ระดับโลกเช่น Julian Bream และ John Williams และคนอื่น ๆ อีกมากมาย
ความแตกต่างระหว่างoriginalกับTasciption
แน่นอนว่าบทเพลงนี้เป็นเพลงเปียโนที่ถูกคัดลอกโน็ตมาเป็นโน็ตของกีต้าร์ ในบทเพลงนี้มีความแตกต่างจากต้นฉบับเป็นอย่างมากเช่นในต้นฉบับมีการเล่นเป็นoctaveทั้งสองมือแน่นอนว่ากีต้าร์เป็นเครื่องดนตรีที่มีข้อกำจัดค่อนข้างเยอะในเรื่องของตำแหน่งการวางนิ้วที่สามารถเล่นoctaveได้แค่octaveเดียว มีการตัดโน็ตบางส่วนของต้นฉบับเพื่อไม่ทำให้เสียงของกีต้าร์ดูรกจนเกินไป
concept ของ 3H
บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ค่อนข้างจะโชว์ความเป็นนักดนตรีที่มีคุณภาพในระดับหนึ่ง ค่อนข้างจำยากเพราะมีการเปลี่ยนคีย์ไปมา มีท่อนเร็วและช้า คุมเทคนิคยากเนื่องจากเพลงมีจังหวะที่เร็วและมีหลายเทคนิคเช่นการตัดเบส การเล่นสเกลที่ชัดเจนและการใช่ฟิ่งเกอร์ลิ่งที่ห่างกันเป็นต้น ดังนั้นต้องฝึกซ้อมทั้ง3องค์ประกอบทั้งหมด เล่นบ่อยๆเพื่อให้จำ ฝึกเทคนิคในเพลงเยอะๆเพื่อที่จะคุมเพลงได้ ฝึกที่จะมีความสุขและสนุกไปกับมันโดยการที่ซ้อมแล้วไม่เครียดจนเกินไป จะเห็นได้ว่ากระบวนการทำงานของ 3H นั้นมีทิศทางในการฝึกซ้อมที่เท่ากันทั้งหมด ซึ่งถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเพลงนี้ก็จะไม่สมบูรณ์แบบ